ข่าวความเคลื่อนไหว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการสาธารณรัฐไอร์แลนด์เข้าเยี่ยมคารวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
H.E. John Halligan T.D., Minister of State for Training, Skills, Innovation, Research, together with Development and H.E. Mr. Brendan Rogers Ambassador of Ireland to the Kingdom of Thailand paid a courtesy call to H.E. Mr. Teerakiat Jareonsettasin, Minister of Education, to discuss educational cooperation at MOE, on November 10, 2017.
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 เวลา 08.30 น. Mr. John Halligan T.D. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการสาธารณรัฐไอร์แลนด์ พร้อมด้วย H.E. Mr. Brendan Rogers เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐไอร์แลนด์ประจำประเทศไทยและคณะ เข้าเยี่ยมคารวะนายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อหารือความร่วมมือด้านการศึกษา ณ ห้องทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ
โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการสาธารณรัฐไอร์แลนด์ กล่าวว่า ไอร์แลนด์ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ในประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดของโลก มีสถาบันอุดมศึกษาที่เน้นการฝึกฝนทักษะ การฝึกงาน และการพัฒนาการวิจัย ปัจจุบัน มีนักศึกษาจากทั่วโลกเดินทางมาศึกษาต่อที่ไอร์แลนด์กว่า 10,000 คน โดยเฉพาะในสาขาวิชา STEM และเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไอร์แลนด์ได้ริเริ่มกลยุทธ์ใหม่ ได้แก่ Academic Mobility และ Student Mobility เพื่อพัฒนาการศึกษาของไอร์แลนด์ สำหรับการเดินทางเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมงานมหกรรมการศึกษาต่อต่างประเทศ (OCSC International Education Expo 2017) ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ และพบปะหารือกับผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาของไทย รวมถึงบุคคลที่ทำงานด้านการศึกษา นักวิชาการศึกษา และเยี่ยมเยียนชุมชนชาวไอริช ทั้งนี้ Mr. John Halligan T.D. ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเดินทางเยือนสาธารณรัฐไอร์แลนด์ เพื่อเยี่ยมชมระบบการศึกษา และหารือแนวทางความร่วมมือในด้านต่าง ๆ
เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่า นับตั้งแต่การเปิดสถานเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อปี 2558 ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีผู้บริหารจากกระทรวงศึกษาธิการของไอร์แลนด์เดินทางมาเยือนประเทศไทย และจากสถิติในช่วงปีที่ผ่านมาพบว่า มีนักเรียน นักศึกษาไทย เดินทางไปศึกษาต่อที่ไอร์แลนด์เป็นจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ ในการนี้ ฝ่ายไอร์แลนด์ยินดีที่จะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษาไทย เดินทางไปศึกษาต่อที่ไอร์แลนด์มากขึ้น รวมทั้งแบ่งปันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาของไอร์แลนด์ด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวชื่นชมการพัฒนาการศึกษาของไอร์แลนด์ พร้อมทั้งได้เสนอความเป็นไปได้ที่จะขยายความร่วมมือกับไอร์แลนด์ ดังนี้
1. การพัฒนาการศึกษาที่สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยการร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ล่าสุด คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon University) สหรัฐอเมริกา เข้ามาจัดการศึกษาในประเทศไทยร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในรูปแบบสถาบันร่วม (Joint Institute) นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของกระทรวงศึกษาธิการในการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ในการนี้ จึงขอเชิญชวนสถาบันการศึกษาของไอร์แลนด์เข้ามาจัดการศึกษาที่มีคุณภาพร่วมกับไทย ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในการดำเนินความร่วมมือตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างไทยและไอร์แลนด์ ที่ได้ลงนามเมื่อปี 2558 ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
2. การส่งเสริมนักเรียน นักศึกษาไทย เดินทางไปศึกษาต่อที่ไอร์แลนด์มากขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้นักเรียน นักศึกษาไทยตัดสินใจไปศึกษาต่อที่ไอร์แลนด์น้อย เนื่องจากปัญหาด้านภาษา จึงเสนอแนะว่าควรจะเน้นกลุ่มเป้าหมายนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติ และกำลังจะศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา เนื่องจากมีความพร้อมทางด้านภาษามากกว่า โดยปัจจุบัน ประเทศไทยมีจำนวนโรงเรียนนานาชาติมากกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงการเพิ่มจำนวนทุนการศึกษาและการประชาสัมพันธ์การเรียนภาษาอังกฤษในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน เพื่อกระตุ้นให้มีผู้สนใจไปศึกษาต่อที่ไอร์แลนด์มากขึ้น เพราะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา หรือออสเตรเลีย
*********************
สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ภาพ : กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานรัฐมนตรี
10 พฤศจิกายน 2560