Loading color scheme

การหารือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

JARI1 9 2 2558

ผู้แทนสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย พร้อมด้วย สถาบันวิจัยยานยนต์ญี่ปุ่น  (Japan Automotive Research Institute “JARI”) และสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น (Japan Automotive Manufactures Association “JAMA”) ได้เข้าพบหารือกับรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายกมล ศิริบรรณ) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมจันทรเกษม อาคารราชวัลลภ นั้น ได้สรุปผลการหารือดังนี้

          1. รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวขอบคุณสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และผู้แทนฝ่ายญี่ปุ่น ที่ได้ให้ความสำคัญแก่ประเทศไทยและได้เดินทางมาหารือในวันนี้ และได้มอบหมายให้ผู้แทนจากสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา สป. นำเสนอข้อมูลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยสรุปว่า กระทรวงศึกษาธิการได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสวัสดิศึกษาด้านการป้องกันอุบัติภัยในสถานศึกษาขึ้นมาดูแลเรื่องดังกล่าว โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อลดอุบัติเหตุในสถานศึกษาหลายกิจกรรม อาทิ การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องความปลอดภัยทางถนนในสถานศึกษา การจัดกิจกรรมรณรงค์การสวมหมวกกันน็อค เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจจำนวนผู้เสียชีวิตเมื่อปี 2556 พบว่า ยังมีสถิติของนักเรียนนักศึกษาที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุอยู่
          2. ผู้แทนจากสถาบันวิจัยยานยนต์ญี่ปุ่นได้นำเสนอรายงานสถิติจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน พบว่าในภูมิภาคอาเซียน มีประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุด 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย โดยจากมติที่ประชุมความร่วมมือระหว่างรัฐมนตรีอาเซียนและญี่ปุ่น เมื่อเดือนสิงหาคม 2557 ได้ก่อให้เกิดแนวคิด “โครงการความปลอดภัยบนท้องถนนในอาเซียน” ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นได้เล็งเห็นถึงปัญหาการสูญเสียบนท้องถนนของไทยเป็นอย่างยิ่ง จึงประสงค์ที่จะร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และจากประสบการณ์ความสำเร็จของญี่ปุ่น พบว่า การให้การศึกษาแก่ประชาชนทุกเพศทุกวัยเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการรักษากฎจราจรนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ปัญหาอุบัติเหตุลดน้อยลง โดยโครงการที่ญี่ปุ่นได้ดำเนินการแล้วและประสบผลสำเร็จ ได้แก่ การให้ความรู้การรักษากฎจราจรแก่นักเรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัย มัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ประชาชนทั่วไป ผู้สูงอายุ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ญี่ปุ่นใช้เวลาถึงกว่า 40 ปี กว่าจะประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ในการนี้ จึงประสงค์ให้นำวิธีดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย และยินดีที่ให้การสนับสนุนฝ่ายไทยอย่างเต็มที่ในการดำเนินโครงการต่างๆ ต่อไป
          3. รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวขอบคุณฝ่ายญี่ปุ่นและกล่าวว่ากระทรวงศึกษาธิการไทยมีความยินดีที่จะร่วมมือกับฝ่ายญี่ปุ่น โดยขอรับข้อเสนอดังกล่าวไปหารือกับคณะอนุกรรมการสวัสดิศึกษาด้านการป้องกันอุบัติภัยในสถานศึกษา เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือที่สามารถดำเนินร่วมกันได้ และจะได้ประสานความคืบหน้าผ่านทางสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในโอกาสต่อไป

JARI2 9 2 2558

***********************************

สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
9 กุมภาพันธ์ 2558