ข่าวความเคลื่อนไหว

 

          เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ราชอาณาจักรสเปน พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรีธนุ วงศ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พลเอกอภิชาต อุ่นอ่อน ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้เกี่ยวข้อง ได้ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนกรมการศึกษา และการฝึกอบรมวิชาชีพแห่งแคว้นกาตาลุญญา ราชอาณาจักรสเปน ได้แก่ Ms. Josefa Beltran เลขาธิการฝ่ายพัฒนาการศึกษา Ms. Mercè Andreu ผู้อำนวยการด้านหลักสูตร ดิจิทัล การฝึกอบรมและนวัตกรรม Mr. Jordi Jarque ผู้อำนวยการด้าน ICT และ Mr. Jordi Serarols รองผู้อำนวยการด้านดิจิทล เพื่อศึกษาดูงานระบบการศึกษาและนโยบายการบริหารจัดการด้านการศึกษาของแคว้นกาตาลุญญ่า

          ผู้แทนกรมการศึกษาฯ ได้นำเสนอภาพรวมเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของแคว้นกาตาลุญญา เป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่รับผิดชอบดูแลระบบการศึกษาของแคว้นกาตาลุญญา ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสเปน โดยอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลแคว้นกาตาลุญญา (Generalitat de Catalunya) ดูแลบริการด้านการศึกษาอย่างครอบคลุม ตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา การศึกษาสายอาชีพ รวมไปถึงการจัดการศึกษาผู้ใหญ่ การฝึกอบรมครู การพัฒนาหลักสูตร และการส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา แคว้นกาตาลุญญ่ามีนักเรียนจำนวนกว่า 1.5 ล้านคน สถานศึกษากว่า 5,400 แห่ง (เป็นสถานศึกษาของรัฐกว่า 3,800 แห่ง) ครู 130,000 คน และบุคลากรฝ่ายบริหารและสนับสนุนการศึกษา 11,300 คน แคว้นกาตาลุญญาสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาและการพัฒนาวิชาชีพ ร้อยละ 21 โครงสร้างทางการศึกษาแบ่งออกเป็น

-การศึกษาปฐมวัย (ไม่บังคับ) อายุ 0–3 ปี
-การศึกษาภาคบังคับ ได้แก่ การศึกษาระดับประถม (6–12 ปี) และระดับมัธยม (12–16 ปี)
-การศึกษาหลังภาคบังคับ ได้แก่ การศึกษาระดับประกาศนียบัตร การฝึกอบรมอาชีพ และการศึกษาพิเศษ (เช่น ศิลปะ ดนตรี การเต้นรำ กีฬา)
-การศึกษาระดับอุดมศึกษา ได้แก่ การศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก และการศึกษาศิลปะขั้นสูง

          แคว้นกาตาลุญญ่า ให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาใช้ในการอำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนการสอน และการบริหารจัดการด้านการศึกษา มีการจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพาสำหรับนักเรียน พร้อมทั้งแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน นอกจากนี้ยังสนับสนุนอุปกรณ์สัญญานเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในสถานศึกษาทุกแห่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สถานศึกษาด้วย จากแนวคิดดังกล่าว จึงได้มีการผลักดันนโยบายให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยครูผู้สอนเป็นผู้สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และมีโรงเรียนเป็นผู้นำด้านนโยบายและกลยุทธ์เพื่อพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวผู้เรียนเอง โดยกรมการศึกษาฯ ได้จัดให้มีการฝึกอบรมและพัฒนาครูเพื่อให้มีความรู้และศักยภาพในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสามารถนำไปต่อยอดในการจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนต่อไป

          นอกจากนี้ กรมการศึกษาฯ ได้นำเสนอเครือข่ายการศึกษาผ่านระบบทางไกลของแคว้นกาตาลุญญา (Xarxa Telemàtica Educativa de Catalunya /The Educational Telematics Network of Catalonia หรือ XTEC) เป็นเครือข่ายทางไกลสาธารณะสำหรับโรงเรียนประถมและมัธยมในแคว้นกาตาลุญญา ให้บริการเครื่องมือทางไกลด้านการศึกษา เช่น อีเมล บล็อกเชิงโต้ตอบ แหล่งข้อมูลทางการศึกษาข้อมูลและเกมการศึกษาสำหรับนักเรียน การเข้าถึงฐานข้อมูล การฝึกอบรมครู ฯลฯ เพื่อให้โรงเรียนมีทรัพยากรและเครื่องมือ ICT ใหม่ ๆ สำหรับการเรียนรู้และการสร้างเครือข่ายระหว่างโรงเรียน และระบบต่างๆที่ กรมการศึกษาฯ ได้พัฒนาเพื่อสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรู้เท่าทัน และการสร้างความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ผู้เรียน และการสร้างระบบผ่านเครือข่ายออนไลน์ในการแบ่งปันข้อมูลสารสนเทศ หลักสูตร สื่อการเรียนการสอน และข้อมูลด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ระหว่างนักเรียน ครู และโรงเรียนในแคว้นกาตาลุญญา อาทิเช่น Esfera (การจัดการวิชาการ) IOC (สถาบันการเรียนรู้ออนไลน์เต็มรูปแบบ) RAL (ทะเบียนนักเรียนที่ใช้ในการระบุตัวตนดิจิทัล) Ágora (แพลตฟอร์มการสอนระยะไกล)

          ในโอกาสนี้ พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ ได้แสดงความชื่นชมในการนำเสนอและระบบการจัดการศึกษาของกรมการศึกษาฯ ซึ่งหากฝ่ายกรมการศึกษาฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันกับฝ่ายปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการ ก็จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการศึกษาที่สอดคล้องกัน พร้อมทั้งกล่าวถึงนโยบายด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ “เรียนดี มีความสุข” โดยคำนึงผู้เรียนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูง ทั้งการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศสำหรับผู้เรียนที่มีศักยภาพสูงเฉพาะทาง และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิตเพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ไปปรับใช้ด้านอาชีพ การลดภาระครู นักเรียน และผู้ปกครอง ขจัดความเหลื่อมล้ำโดยจัดการศึกษาแก่เด็กโยกย้ายถิ่นฐานจากสาเหตุต่าง ๆ โดยเฉพาะนโยบาย Anywhere Anytime ซึ่งมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี และ AI เพื่อสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษาให้แก่นักเรียน ยกตัวอย่างการนำ AI ไปใช้สอนแก่นักเรียนผู้พิการทางการได้ยิน ซึ่งช่วยให้นักเรียนเหล่านั้นมีประสิทธิภาพในการพัฒนาศักยภาพมากขึ้น ในการดำเนินด้านการศึกษาจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตามแนวทาง “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” ทั้งนี้ ผู้แทนกรมการศึกษาฯ ได้ให้ความสนใจต่อนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าว และมีความยินดีหากสามารถดำเนินการในการพัฒนาความร่วมมือทั้งทางด้านการจัดการศึกษา ภาษาและวัฒนธรรม เทคโนโลยีดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จะช่วยส่งเสริมโอกาสในการศึกษาให้กับนักเรียนของทั้งสองประเทศในการพัฒนาศักยภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาต่อไป

ภาพ/ข่าว : ธนพล ขันธวิชัย
รัชนินท์ พงษ์อุดม
จิตรลดา จันทร์แหยม
รายงานโดย : กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศต่างประเทศ
สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
28 เมษายน 2568