กฏสำคัญ 55 ข้อ หนทางสู่ความสำเร็จของเด็กทุกคน (The Essential 55)
รอน คลาร์ก ผู้ประพันธ์หนังสือกฎสำคัญ 55 ข้อ หรือ The Essential 55 เริ่มสอนหนังสือที่นอร์ธ แคโรไลนาตั้งแต่ปี 1995 เคยได้รับรางวัล ครูดีเด่นประจำปีของสหรัฐอเมริกาประจำปี 2544 (2001 Disney Teacher of the Year Award) เป็นบุคคลซึ่งได้ทุ่มเทพลังทั้งกายและใจในการอบรมสั่งสอนนักเรียนในเขตชนบทของสหรัฐอเมริกา จนสามารถดึงความสามารถของเด็กเหล่านั้นออกมาได้ รอน คลาร์ก พยายามค้นหาวิธีสอนที่เกิดประโยชน์ทั้งการเรียนและการดำรงชีวิตให้แก่เด็กๆ จนกระทั่งสรุปเป็นกฎเกณฑ์ที่สำคัญสำหรับชีวิตของเด็กทุกคนจำนวน 55 ข้อ ซึ่งเป็นกฎง่ายๆ ที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตสำหรับทุกคน “สำหรับชีวิตผม ชีวิตเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่คุณสร้างขึ้นเพื่อตัวเองและผู้อื่น ในฐานะครูและมนุษย์ ผมได้พยายามมอ[ช่วงเวลาที่พิเศษสุดให้คุณ”
รอน คลาร์ก ได้รับแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตจากคุณย่าของเขาชื่อมัดเดอร์ เขาได้ใช้กฎสำคัญ 55 ข้อดังกล่าว อบรมลูกศิษย์จนประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต กฎดังกล่าวไม่เพียงแต่สอนให้เด็กๆ ประพฤติดีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เด็กๆ เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เผชิญหลังสำเร็จการศึกษาแล้ว
กฎสำคัญ 55 ข้อ มีดังนี้
กฎที่ 1 ใช้คำกล่าวตอบแก่ผู้ที่อาวุโสกว่าด้วยความสุภาพ
เวลากล่าวตอบผู้อาวุโสกว่าทุกคน ให้ตอบว่า “ใช่ค่ะ” หรือ “ไม่ใช่ครับ” การตอบรับเพียงแค่พยักหน้าโดยปราศจากการพูด เป็นกริยาที่ไม่สุภาพ
กฎที่ 2 สบตาผู้ฟัง เวลาพูด
กล้าสบสายตาผู้ฟัง ถ้ามีผู้แสดงความคิดเห็น ควรหันหน้าไปยังผู้นั้น “ผมใช้เวลามากมายในการสอนให้ลูกศิษย์กล้าสบตาคน ผมฝึกพวกเขาโดยบอกว่าการสบตาจะช่วยให้ให้การพูดมีน้ำหนักมากขึ้น และแสดงถึงความมั่นใจในการพูด”
กฎที่ 3 แสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน
ถ้าเพื่อนร่วมชั้นเรียนชนะการแข่งขัน หรือทำในสิ่งต่างๆ ได้ดี ควรแสดงความยินดีกับคนๆ นั้น เช่น การปรบมืออย่างน้อยสามวินาทีแบบเต็มสองมือเพื่อให้เสียงดัง
กฎที่ 4 ให้การเคารพต่อคำวิจารณ์ หรือความคิดเห็นของผู้อื่น
ในระหว่างการหารือ ควรให้การเคารพคำวิจารณ์ ข้อคิดเห็น หรือแนวคิดของคนอื่นๆ ด้วยคำพูด เช่น “ฉันเห็นด้วย และรู้สึกเช่นเดียวกันว่า” หรือ “ฉันไม่เห็นด้วย แต่คำพูดของคุณมีประเด็นที่น่าสนใจ” เป็นต้น
กฎที่ 5 ยามชนะ อย่าพูดจาโอ้อวด ยามแพ้ อย่าแสดงอารมณ์โกรธเคือง
หากทำอะไรที่ประสบความสำเร็จ อย่าคุยโอ้อวด และหากทำอะไรที่ไม่ประสบผล อย่าแสดงความโกรธเคือง หรือพูดจาถากถางผู้อื่น เพราะเป็นการแสดงความอ่อนแอของเราออกมา
“ถ้าคุณเก่งอะไรในบางเรื่อง คนอื่นจะเห็นเอง ไม่จำเป็นต้องบอกผู้อื่นว่าคุณเก่งแค่ไหนเพราะการคุยโอ้อวดจะทำให้คุณถูกมองในแง่ลบ”
กฎที่ 6 ถ้าถูกตั้งคำถามในการสนทนา จงตั้งคำถามตอบด้วย
หากถูกตั้งคำถามในการสนทนา ควรตั้งคำถามตอบ เพราะเป็นมารยาทที่สุภาพที่จะแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าเราสนใจพวกเขา มากเท่าที่เขาสนใจเรา
กฎที่ 7 ให้ปิดปากเวลาจามหรือไอ และกล่าวคำขอโทษ
เวลาไอ จาม หรือเรอ ให้หันหน้าไปทางอื่นและปิดปากด้วยมือทั้งสองข้าง หลังจากนั้นให้กล่าวคำ “ขอโทษ”
กฎที่ 8 อย่าทำกริยาไม่สุภาพด้วยการจุ๊ปาก หรือกลอกตา
อย่าทำกิริยาจุ๊ปาก กลอกตา หรือแสดงความไม่เคารพด้วยกิริยาท่าทาง
กฎที่ 9 กล่าวขอบคุณเสมอเวลาได้รับของจากครู
จงกล่าวคำขอบคุณทุกครั้งเวลาที่ได้รับของจากครู
กฎที่ 10 เมื่อได้รับอะไรบางอย่าง อย่าแสดงความรังเกียจสิ่งของที่ได้รับหรือดูถูกผู้ให้
เมื่อได้รับอะไรบางอย่างจากใครบางคน จงอย่าดูแคลนด้วยการวิจารณ์ในแง่ลบ หรือกล่าวแสดงกิริยาไม่สบอารมณ์ต่อสิ่งของที่ได้รับ
กฎที่ 11 แสดงความมีน้ำใจ แบบไม่เลือกที่รักที่ชัง
ควรแสดงความมีน้ำใจ พยายามทำอะไรอย่างมีเมตตา และมีน้ำใจให้แก่ใครบางคนอย่างน้อยเดือนละครั้ง
กฎที่ 12 เวลาให้คะแนนข้อสอบพึงให้คะแนนที่ถูกต้องเท่านั้น
อาจมีการให้คะแนนสอบเป็นกลุ่ม ถ้านักเรียนได้รับผลคะแนนไม่ถูกต้อง จำนวนคะแนนที่แตกต่างจากคะแนนจริง ให้กาเครื่องหมาย x พร้อมทั้งเขียนตัวเลขคะแนนที่ไม่ถูกต้องกำกับไว้ด้วย
“การให้นักเรียนให้คะแนนสอบของกันและกัน เป็นวิธีการที่รวดเร็วในการแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ของครู ปัญหาใหญ่ก็คือ มันอาจเป็นการทำร้ายความรู้สึกของนักเรียน”
กฎที่ 13 อ่านตามไปด้วยเวลาที่อ่านพร้อมกันในชั้นเรียน
เมื่อเราอ่านหนังสือด้วยกันในชั้นเรียน คุณต้องอ่านตามไปด้วย ถ้าครูเรียกให้คุณลุกขึ้นมาอ่าน ต้องรู้ว่าอ่านไปถึงไหน และเริ่มต้นอ่านได้ทันที
กฎที่ 14 ตอบคำถามที่เป็นข้อเขียนทุกคำถามด้วยประโยคที่สมบูรณ์
ตอบคำถามที่เป็นลายลักษณ์อักษรทุกคำถามด้วยประโยคที่สมบูรณ์ เพื่อให้ความสนใจต่อคำถามของคนนั้นๆ
กฎที่ 15 อย่าขอรางวัลจากครู
บางครั้งครูจะให้รางวัลสำหรับการประพฤติดี มีผลการเรียนดี และการกระทำที่น่าชมเชย แต่หากเอ่ยปากขอรางวัลจากครู จะเป็นการเสียมารยาทซึ่งไม่ควรทำ
“การทำงานในโลกแห่งความจริงคนที่ทำงานดีอาจไม่ได้รับรางวัลเสมอไป จงทำความดีด้วยความภาคภูมิใจและรักที่จะทำความดี”
กฎที่ 16 ต้องทำการบ้านให้เสร็จทุกวัน
นักเรียนต้องส่งการบ้านทุกวัน ทุกวิชา แก่ครูทุกคน โดยไม่มีข้อยกเว้น
กฎที่ 17 ช่วงเปลี่ยนวิชาเรียน ต้องทำอย่างว่องไว เงียบสงบและเป็นระเบียบเรียบร้อย
การเปลี่ยนการเรียนจากวิชาหนึ่งไปอีกวิชาหนึ่ง จะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เงียบเชียบ และเป็นระเบียบเรียบร้อย ต้องสามารถเปลี่ยนจากหนังสือเล่มหนึ่งไปอีกเล่มหนึ่งและอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ไม่ควรเกินกว่า 10 วินาที
กฎที่ 18 ทำตัวมีระเบียบอย่างเป็นระบบให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ต้องพยายามทำตัวให้มีระเบียบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
กฎที่ 19 อย่าโอดครวญหรืออุทธรณ์ เมื่อได้รับมอบหมายการบ้าน
เวลาที่ครูมอบการบ้าน ห้ามมีเสียงโอดครวญ หรือโวยวายไม่เช่นนั้นจะโดนการบ้านเพิ่มขึ้น
กฎที่ 20 เมื่อมีครูอื่นมาสอนแทน กฎเกณฑ์ทั้งหมดในห้องเรียนยังคงต้องนำมาใช้อย่างเคร่งครัด
เวลาที่เรียนกับครูที่มาสอนแทน ต้องปฏิบัติในกฏเกณฑ์เดียวกับที่ปฏิบัติเวลาที่ครูสอนประจำอย่างตั้งใจเสมอ
กฎที่ 21 ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของห้องเรียนอย่างเคร่งครัด
ต้องปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของห้องเรียนตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้ เช่น อย่าลุกจากที่นั่งโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่าพูดโดยไม่ได้ยกมือขึ้น
กฎที่ 22 ไม่ควรออกไปดื่มน้ำระหว่างเรียน แต่อาจนำขวดน้ำเข้าห้องเรียนได้
อาจนำขวดน้ำเข้ามาในห้องเรียนได้และวางไว้บนโต๊ะ แต่อย่าถามครูว่าสามารถดื่มมน้ำขณะที่กำลังสอนได้หรือไม่ อาจทานน้ำโดยไม่มีเสียงดังหรือรบกวนผู้อื่น
กฎที่ 23 รู้จักชื่อครูคนอื่นๆ ให้มากที่สุด และทักทายด้วยการเรียกชื่อครูอย่างแม่นยำ
เรียนรู้ชื่อครูคนอื่นๆ ในโรงเรียนอย่างรวดเร็ว และทักทายครูด้วยคำพูดสุภาพ
กฎที่ 24 รักษาความสะอาดตัวเองและห้องน้ำให้ปลอดเชื้อโรค
กดชักโครกและล้างมือหลังจากใช้ห้องน้ำทุกครั้ง เวลาเข้าห้องน้ำสาธารณะให้หยิบทิชชู่ก่อนล้างมือ หลังจากล้างมือแล้ว ให้ใช้กระดาษทิชชู่ปิดก๊อกน้ำและเช็ดมือให้สะอาด
“ในเรื่องทำความสะอาดห้องน้ำ ผมพร่ำบอกนักเรียนว่าพนักงานต้องทำงานหนักแค่ไหนและมันง่ายเพียงใดที่จะช่วยพวกเขาได้”
กฎที่ 25 ทักทายผู้มาเยือนและทำให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นที่ยินดีต้อนรับ
เมื่อมีผู้มาเยี่ยมชั้นเรียน ครูจะส่งนักเรียนไปยืนหน้าประตู และให้ถือป้ายแสดงความยินดีต้อนรับบุคคลผู้นั้น
กฎที่ 26 ห้ามกันที่นั่งในห้องอาหารกลางวัน
อย่ากันที่นั่งผู้อื่นในโรงอาหาร ถ้ามีคนต้องการนั่ง อย่ากีดกัน ควรปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ และมีน้ำใจ
กฎที่ 27 อย่าจ้องหรือมองนักเรียนที่กำลังถูกตำหนิ
ถ้าครูกำลังพูดหรือสอนระเบียบวินัยให้แก่นักเรียนคนหนึ่งอยู่ ห้ามมองนักเรียนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์นั้น และถ้าคุณเป็นนักเรียนที่ครูกำลังคุยด้วย จงอย่าโกรธหรือแสดงอาการไม่พอใจใส่นักเรียนคนอื่นที่กำลงมองเธอ
กฎที่ 28 ถ้ามีคำถามเกี่ยวกับการบ้านให้โทรหาครู และฝากข้อความไว้
ถ้ามีคำถามที่ต้องการปรึกษาครูเกี่ยวกับการบ้าน สามารถโทรหาครูได้ ถ้าครูไม่รับสาย ให้ฝากข้อความไว้
กฎที่ 29 รักษามารยาทในการทานอาหาร
รักษามารยาทในการรับประทานอาหาร เช่น เมื่อนั่งทานอาหารให้รีบปูผ้าเช็ดปากลงบนตัก อย่าวางศอกไว้บนโต๊ะ อย่าเลียนิ้วมือ อย่าดูดปากและเคี้ยวอาหารเสียงดัง อย่าอ้าปากเคี้ยวอาหาร อย่าเขี่ยอาหารเล่น อย่าเริ่มลงมือทานอาหารจนกว่าจะนั่งลงแล้ว เป็นต้น
กฎที่ 30 หลังรับประทานอาหารในโรงอาหารหรือที่อื่น ให้รับผิดชอบเศษขยะของตนเอง
หลังทานอาหารแล้ว ให้เก็บจานเอง รวมทั้งการเช็ดโต๊ะ และไม่ทิ้งขยะไว้บริเวณโดยรอบ
กฎที่ 31 ในห้องพักของโรงแรม ควรให้ทิปแก่พนักงานโรงแรมที่ทำความสะอาดห้องพัก
เวลาเข้าพักในโรงแรม ควรวางทิปไว้บนหมอนให้พนักงานของโรงแรมที่ต้องทำความสะอาดห้องพักหลังจากที่เราออกไป
กฎที่ 32 หันหน้าไปข้างหน้าเสมอบนรถ
เวลาขึ้นรถโรงเรียน ควรนั่งหันหน้าไปข้างหน้าเสมอ และไม่ควรหันหลังไปคุยกับนักเรียนคนอื่นๆ ห้ามยื่นส่วนต่างๆ ของร่างกายออกนอกหน้าต่างหรือลุกจากเก้าอี้ ต้องกล่าวขอบคุณคนขับรถโรงเรียนเสมอ
กฎที่ 33 เมื่อพบผู้คนใหม่ๆ ควรแสดงอาการทักทายและเรียกชื่อพวกเขา
เวลาเดินทางไปทัศนศึกษา เราจะได้พบกับผู้คนมากมาย เวลาที่ครูแนะนำให้รู้จักคนเหล่านั้น ต้องจำชื่อพวกเขาให้ได้
กฎที่ 34 เมื่อคนนำอาหารมาให้ทาน ควรตักแค่พอทาน
เมื่อใดก็ตามที่มีคนนำอาหารมาให้ จงอย่าหยิบมากเกินไป ควรเกรงใจผู้อื่น
กฎที่ 35 ถ้าใครบางคนทำของหล่นและคุณอยู่บริเวณใกล้ๆ ควรหยิบมันขึ้นมา
ไม่ว่าจะอยู่ที่โรงเรียนหรือออกไปทัศนศึกษา ถ้ามีคนทำของหล่น จงหยิบขึ้นมาส่งคืนให้พวกเขา เพราะเป็นมารยาทที่สุภาพที่จะก้มลงหยิบของให้ผู้อื่น
กฎที่ 36 จับประตูให้เปิดไว้เพื่อผู้อื่น แทนที่จะปล่อยให้มันปิดใส่พวกเขา
ถ้าเดินไปที่ประตูและมีใครบางคนเดินตามมา จงเปิดประตูให้เขา ถ้าประตูบานนั้นเปิดโดยวิธีการดึง ให้ดึงประตูแล้วยืนหลบไปด้านหนึ่ง เพื่อให้คนๆ นั้นเดินผ่านไปก่อน แล้วจึงค่อยเดินตาม ถ้าประตูเปิดด้วยการผลัก จงจับประตูไว้หลังจากที่คุณเดินเข้าไปแล้ว
กฎที่ 37 ถ้าใครบางคนเดินชนคุณ ควรกล่าวคำขอโทษ แม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของคุณก็ตาม
กฎที่ 38 ในการออกไปทัศนศึกษา ควรเข้าไปในอาคารสาธารณะอย่างเงียบสงบ
เวลาออกไปทัศนศึกษา จะไม่มีการพูดคุยขณะเดินเข้าไปในตึก กฎข้อนี้ใช้ได้ในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นโรงภาพยนตร์ โบสถ์ หรือโรงละคร
กฎที่ 39 ในการออกไปทัศนศึกษา ควรกล่าวชื่นชมสถานที่ที่คุณไปเที่ยว
เวลาไปทัศนศึกษา ควรมีการกล่าวชื่นชมสถานที่ที่เราไปเยือน เช่น กล่าวชมสถาปัตยกรรมของพิพิธภัณฑ์หรือโรงละคร
กฎที่ 40 ในระหว่างการประชุม อย่าพูดหรือตะโกนเรียกเพื่อน
ในระหว่างการประชุม อย่าพูดคุยและอย่าเหลียวมองรอบๆ เพื่อพยายามเรียกความสนใจจากเพื่อนๆ ในชั้นเรียนอื่นๆ
กฎที่ 41 เวลาอยู่บ้าน ควรรับโทรศัพท์ด้วยกริยาที่สุภาพและเหมาะสม
เวลารับโทรศัพท์ที่บ้าน คุณต้องรับโทรศัพท์อย่างมีมารยาท และกล่าวถ้อยคำด้วยความสุภาพ
กฎที่ 42 เมื่อกลับจากการเดินทาง ควรจับมือขอบคุณพี่เลี้ยงทุกคน
เมื่อกลับจากการเดินทาง ต้องแสดงความขอบคุณครู และพี่เลี้ยงทุกคนที่เสียสละเวลาพาพวกเราเดินทาง
กฎที่ 43 ควรยืนขวาบนบันไดเลื่อน และเดินทางซ้าย
เวลาที่ออกไปทัศนศึกษาและต้องขึ้นบันไดเลื่อน ให้ยืนชิดด้านขวาเพื่อเปิดทางให้ผู้อื่นที่กำลังรีบมีโอกาสเดินขึ้นบันไดเลื่อนด้านซ้ายมือ เวลาจะเข้าลิฟท์ ต้องรอให้ผู้อื่นออกก่อนจึงค่อยเข้าไป
กฎที่ 44 เวลาเดินเข้าแถว ควรวางแขนไว้ข้างตัวและเดินเงียบๆ
เวลาเดินเข้าแถว ต้องเข้าแถวเรียงหนึ่ง ให้ห่างจากคนที่ยืนข้างหน้าประมาณสองถึงสามฟุต และแนบแขนไว้ข้างกาย ควรหันหน้าไปข้างหน้าตลอดเวลา ห้ามพูดคุย
กฎที่ 45 อย่าเดินลัดคิวเป็นอันขาด
อย่าแซงคิว ถ้ามีคนแซงคิว อย่าพูดหรือทำอะไร เพียงแต่บอกให้ครูทราบ
กฎที่ 46 อย่าคุยในโรงภาพยนตร์ระหว่างกำลังฉาย
เวลาไปโรงภาพยนตร์ ห้ามพูดคุยกัน ไม่ยกเท้าขึ้นพาดเก้าอี้ตรงหน้า ไม่ทำเสียงดังในระหว่างชมภาพยนตร์ ปิดโทรศัพท์มือถือ
กฎที่ 47 อย่านำอาหารเข้าไปในอาคารเรียน
กฎที่ 48 ถ้ามีใครขู่เข็ญ บอกให้ครูรู้
ถ้ามีเพื่อนรบกวน บอกให้ครูรู้ อย่าได้จัดการกับปัญหาด้วยตัวเอง
กฎที่ 49 ยืนหยัดในสิ่งที่คุณเชื่อ
ยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ ไม่ควรตอบปฏิเสธ ถ้าความคิดและจิตใจของคุณเชื่อมั่นในสิ่งดังกล่าว
กฎที่ 50 จงมองโลกในแง่ดีและมีความสุขกับชีวิต
จงมองทุกคนในแง่ดีและมีความสุขกับชีวิต มองทุกอย่างด้วยสายตากว้างไกลและเน้นย้ำแต่สิ่งดีๆ ในชีวิตของเธอ
“แม่ผมพูดถูกต้อง เราไม่ควรปล่อยให้สิ่งรอบข้างรบกวนเราจนทำให้เราล้มป่วยลง”
กฎที่ 51 จงใช้ชีวิตอย่างมุ่งมั่นและไม่หวาดกลัว
ถ้าปรารถนาที่จะทำสิ่งใด จงทำในสิ่งนั้น อย่าปล่อยใหัความหวาดกลัว ความคลางแคลง หรืออุปสรรคอื่นๆ กีดขวางทาง จงกระทำและอย่าหยุดจนกว่าจะทำได้สำเร็จ
กฎที่ 52 จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณ แล้วสู้ต่อไป
ให้การยอมรับว่าเราทุกคนสามารถทำผิดพลาดได้ ให้เรียนรู้จากบทเรียนและเดินหน้าต่อไป
กฎที่ 53 ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร จงมีความซื่อสัตย์อย่างสม่ำเสมอ
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร จงมีความซื่อตรง ถ้าทำความผิดต้องยอมรับผิด
“เด็กๆ จะระแวงและโกหกเพื่อหนีปัญหา ต้องอาศัยเวลาและความอดทนกว่าพวกเขาจะตระหนักได้ว่าพวกเขาสามารถพูดความจริงได้”
กฎที่ 54 มีความสุขกับชีวิตให้มากที่สุด
จงมีความสุขกับชีวิตให้มากที่สุด อย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
กฎที่ 55 เป็นคนดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่าให้สิ่งแวดล้อมกีดกันคุณจากการเติบโตเป็นคนดี ความผิดพลาดจะช่วยให้เป็นคนเข้มแข็ง มีสุขภาพดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้น
เคล็ดลับในการรับมือกับเด็กๆ
ความจริงข้อที่ 1 เด็กๆ พอใจโครงสร้างต่างๆ ที่มีแบบแผน
ความจริงข้อที่ 2 เด็กๆ จะขยันเพื่อคุณ หากพวกเขาประทับใจในลักษณะที่คุณเป็น
ความจริงข้อที่ 3 เด็กๆ อยากรู้ว่าพวกเขาถูกคาดหวังอะไร
ความจริงข้อที่ 4 เด็กๆ อยากได้รับการใส่ใจตลอดเวลา
------------------
กลุ่มสารสนเทศต่างประเทศ
สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สป. แปลสรุป
เดือนมิถุนายน 2552