ข่าวสารกิจกรรม
กระทรวงศึกษาธิการร่วมประชุมสัมมนาอาเซียนเรื่องเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
 
กระทรวงศึกษาธิการสหพันธรัฐมาเลเซียจัดการประชุม Seminar on ASEAN Out-of-School Children and Youth (OOSCY) ภายใต้หัวข้อ “From Margin to Centre: Bridging OOSCY Intersectionalities through Innovative Solutions in ASEAN” ระหว่างวันที่ 28 – 30 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเด็กและเยาวชนที่ตกหล่นในอาเซียน แบ่งปันความรู้ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดี ในการส่งเสริมความร่วมมือและสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสหรือถูกละเลยในภูมิภาคอาเซียน
H.E. Fadlina Sidek รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสหพันธรัฐมาเลเซีย กล่าวเปิดการประชุมว่า “การนำเด็กและเยาวชนนอกระบบกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ไม่เพียงเป็นการแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตของภูมิภาคอาเซียน เพื่อเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน”
 
นางสาวดุริยา อมตวิวัฒน์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านความร่วมมือต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมในฐานะผู้แทนประเทศไทย และนำเสนอในหัวข้อ “Integrating Data Systems and Flexible Learning Pathways to Achieve Zero Dropout – Thailand’s National Approach” โดยได้กล่าวถึงการดำเนินนโยบาย Thailand Zero Dropout ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมตามนโยบายรัฐบาล “เด็กทุกคนต้องได้เรียน” นโยบายดังกล่าวมุ่งใช้เทคโนโลยีข้อมูลติดตามเด็กนอกระบบ เพื่อให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG4) ว่าด้วยการสร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Ensure inclusive and equitable quality education and promote lifelong learning opportunities for all) ซึ่งจากข้อมูลปีการศึกษา 2567 มีเด็กนอกระบบรวมทั้งสิ้น 982,303 คน ได้รับการติดตามแล้ว 782,205 คน (เด็กไทย 579,717 คน และเด็กต่างชาติ 204,488 คน) และยังไม่ได้ติดตามอีก 198,098 คน (เด็กไทย 167,674 คน และเด็กต่างชาติ 30,424 คน) โดยที่ประชุมชื่นชมนโยบายของไทยที่ให้ความช่วยเหลือเด็กทุกคนโดยไม่คำนึงถึงสัญชาติ ทั้งนี้สาเหตุสำคัญของการหลุดจากระบบการศึกษา ได้แก่ พฤติกรรมไม่เหมาะสม การใช้ยาเสพติด ความยากลำบากในการเดินทางไปโรงเรียน ผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียน หรือไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา รวมถึงการเสียชีวิตของเด็กบางราย
 
นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการได้พัฒนาระบบฐานข้อมูล Zero Dropout Platform โดยมีศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ศทส.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รับผิดชอบติดตามเด็กอายุ 3–15 ปี และกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ติดตามเด็กอายุ 16–18 ปี
ในโอกาสเดียวกัน สหพันธรัฐมาเลเซียได้เปิดตัวระบบติดตาม SiPKPM ซึ่งพัฒนาร่วมกับ UNICEF เพื่อใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตรวจติดตามความเคลื่อนไหวของนักเรียน ทั้งนักเรียนที่กำลังเรียนในระบบการศึกษา นักเรียนที่ลาออกกลางคัน และนักเรียนที่เสี่ยงจะหลุดจากระบบ หรือขาดโอกาสเข้าถึงการศึกษา โดยสามารถนำเด็กกว่า 2,873 คน กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้สำเร็จ
การสัมมนาครั้งนี้ทำให้เห็นว่า การสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน เพื่อสนับสนุนรูปแบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและนวัตกรรมทางการศึกษา ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการลดจำนวนเด็กตกหล่นและส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษาทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
 

 
																								