ข่าวความเคลื่อนไหว
เอกอัครราชทูตฯ ปากีสถานประจำประเทศไทย หารือความร่วมมือด้านการศึกษากับ ปลัด ศธ.
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้การต้อนรับนางรุคซานา อัฟซอล (H.E. Ms. Rukhsana Afzaal) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ณ ห้องดำรงราชานุภาพ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (นายคมกฤช จันทร์ขจร) รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กรมส่งเสริมการเรียนรู้ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาและสำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมหารือ
ปลัด ศธ. กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ปากีสถานประจำเทศไทย ที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะ พร้อมทั้งแนะนำผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมการหารือ ในโอกาสนี้ ได้กล่าวถึงนโยบายด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ โครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ รูปแบบการจัดการศึกษาของประเทศไทย หน่วยงานด้านการศึกษา และภารกิจที่เกี่ยวข้องในภาพรวม เช่นเดียวกัน เอกอัครราชทูตฯ ปากีสถานประจำเทศไทย กล่าวขอบคุณปลัด ศธ. ที่ให้การต้อนรับ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะ โดยเน้นย้ำถึงความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างสองประเทศที่ได้ดำเนินการในหลากหลายรูปแบบทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไปจนถึงการอุดมศึกษา
การเข้าเยี่ยมคารวะในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะหารือเพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการศึกษาของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการจัดส่งบุคลากรทางการศึกษาชาวปากีสถานเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาของไทย ทั้งในวิชาภาษาอังกฤษ และวิชาอื่น ๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางการสอน (English as a medium of Instruction) ซึ่งจะดำเนินการผ่านช่องทางทางการทูต เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวถึงระบบการผลิตบุคลากรของปากีสถานที่สามารถผลิตครูที่มีความสามารถในหลากหลายสาขาวิชา และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของประเทศ รวมทั้งปากีสถานเคยเป็นประเทศอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษในอดีต จึงทำให้ปากีสถานเป็นประเทศที่สามารถส่งออกบุคลากรที่มีคุณภาพไปทั่วโลก คิดเป็นจำนวนกว่า 9,000,000 คน อีกทั้ง ในปัจจุบัน ประมาณร้อยละ 65 ของจำนวนประชากรทั้งหมดเป็นประชากรที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ความพร้อมเป็นอย่างยิ่ง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการแรงงานของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทย พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่าการนำบุคลากรทางการศึกษาชาวปากีสถานเข้ามาในประเทศไทยจะช่วยพัฒนาและยกระดับทักษะทางภาษาอังกฤษของนักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากรของไทย กอปรกับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวนานาชาติที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การที่บุคลากรในประเทศไทยสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยส่งผลดีต่อประเทศได้ในระยะยาว
ปลัด ศธ. ได้เน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างความรู้และฝึกฝนทักษะด้านภาษาอังกฤษให้แก่นักเรียน ซึ่งครูชาวต่างประเทศ รวมถึงชาวปากีสถานต่างมีบทบาทสำคัญที่ช่วยพัฒนาความสามารถด้านภาษาให้แก่นักเรียนชาวไทย พร้อมทั้งชี้แจงแนวทางและระเบียบที่เกี่ยวข้องในการจ้างชาวต่างประเทศเพื่อเข้ามาสอนในสถานศึกษาของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การจ้างครูชาวต่างชาติต้องคำนึงถึงประเด็นสำคัญ คือ คุณภาพของครู และเงื่อนไขด้านงบประมาณของสถานศึกษา กระทรวงศึกษาธิการยินดีสนับสนุนหากทั้งสองฝ่ายสามารถหารือเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงหรือกรอบความร่วมมือที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน และอยู่ภายใต้กรอบการดำเนินงานที่กระทรวงศึกษาธิการสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ จะต้องมีการหารือในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
สรุป / เรียบเรียง : นัศรูน เปาะมะ
รุ่งกานต์ พันธุ์ภักดี
กลุ่มความร่วมมือทวิภาคี
รายงานโดย : กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศต่างประเทศ
สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
11 พฤศจิกายน 2568