ข่าวความเคลื่อนไหว
รมว.ศธ. นฤมล หารือสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิสและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรียแนวทางขับเคลื่อนความร่วมมืออาชีวศึกษา และความร่วมมือด้านการศึกษากับสาธารณรัฐสโลวัก

เมื่อวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2568 ศาสตราจารย์ ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้หารือร่วมกับ นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส และนายชีวินท์ ณ ถลาง อุปทูตรักษาราชการ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย เพื่อติดตามและหารือแนวทางขับเคลื่อนความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา และการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษากับสาธารณรัฐสโลวัก
นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส มีความประสงค์ผลักดันโครงการส่งเสริมความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างไทยกับสวิตเซอร์แลนด์ โดยเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาอาชีวศึกษากับสมาพันธรัฐสวิส ซึ่งเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับแรงงานที่มีทักษะอย่างมาก ดังนั้น จึงได้เสนอให้มีการจัดการประชุมหรือการสัมมนาเชิงวิชาการเพื่อพัฒนาผู้บริหารระดับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงแรงงาน ครูและผู้ฝึกสอนอาชีวศึกษา ผู้แทนภาคเอกชน หอการค้าสภาอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญสวิตเซอร์แลนด์ และต่อยอดความร่วมมือระหว่างประเทศโดยการมีส่วนร่วมของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป

นายชีวินท์ ณ ถลาง อุปทูตรักษาราชการ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ได้หยิบยกประเด็นด้านการยกระดับอาชีวศึกษา โดยผลักดันให้อาชีวศึกษาเป็นทางเลือกที่มีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นประเภทการศึกษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะในยุโรป แรงงานที่มีทักษะเป็นที่ต้องการและมีค่าตอบแทนสูง ทั้งนี้ ยังมีความท้าทายด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาเยอรมันซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในประเทศยุโรปที่มีความร่วมมือกับประเทศไทย อาทิ เยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ในประเด็นดังกล่าว ศาสตราจารย์ ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เห็นด้วยกับการพัฒนาอาชีวศึกษาให้มีมาตรฐานที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานโลก โดยเฉพาะประเทศในยุโรป จึงจะผลักดันให้เกิดความร่วมมือที่เหมาะสมต่อไป อาทิ โครงการพัฒนาครูและผู้บริหารอาชีวศึกษาในสาขาที่อยู่ในความต้องการ การส่งนักศึกษาเข้ารับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในสถานประกอบการ และการเพิ่มโอกาสให้นักศึกษาเหล่านี้ได้เข้าทำงานในสถานประกอบการของออสเตรียภายหลังสำเร็จการศึกษา ทั้งนี้ ในประเด็นด้านการพัฒนาภาษาให้แก่นักศึกษาอาชีวศึกษา อาจพิจารณาดำเนินการในรูปแบบโครงการครูผู้ช่วยสอนหรือครูอาสาสมัครต่อไป
นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา ยังดูแลเขตอาณาสาธารณรัฐสโลวัก จึงสนับสนุนให้ประเทศไทยได้แสวงหาความร่วมมือกับสาธารณรัฐสโลวัก ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่มีความโดดเด่นด้านการศึกษา โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้สามารถเข้าถึงบริการด้านการศึกษาอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศแรก ๆ ในยุโรปที่ผลักดันการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะการใช้ AI เพื่อช่วยครูในการจัดการเรียนการสอน และการติดตามผู้เรียน ซึ่งเป็นสาขาที่เป็นประโยชน์ที่ไทยสามารถพิจารณาหารือความร่วมมือต่อไป

อนึ่ง กระทรวงศึกษาธิการมีความร่วมมือกับสาธารณรัฐออสเตรียภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาในการฝึกอบรมโดยใช้การทำงานเป็นฐาน ซึ่งลงนามระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงแรงงานและเศรษฐกิจแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 และมีโรงเรียนเทคนิคสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Thai-Austrian Technical School ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสาธารณรัฐออสเตรียด้านวิชาการ เครื่องจักร เครื่องมือ และคณะผู้เชี่ยวชาญ และมีการดำเนินความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาเครื่องมือ การพัฒนาบุคลากร การส่งอาสาสมัครชาวออสเตรียเข้าปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีพลังงาน แผนกวิชาช่างไฟฟ้า การจัดเสวนาด้านการจัดการอาชีวศึกษาไทย-ออสเตรีย การจัดตั้งคณะทำงานร่วมไทย-ออสเตรีย เป็นต้น
หงษ์ฟ้า วีระนพรัตน์ ผู้เขียน
กุสุมา นวพันธ์พิมล ผู้ตรวจ
กลุ่มความร่วมมือพหุภาคี
สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สป.
22 พฤศจิกายน 2568